วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554

วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2554 ได้จังหวะเข้าเก็บหุ้นหรือยัง ?

วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ได้จังหวะเข้าเก็บหุ้นหรือยัง ? มองหาคำตอบจากกราฟ SET รายสัปดาห์

หลัง จากเกิด panic sell เมื่อวันศุกร์ที่ 23 กันยายน 2011 ที่ผ่านมา ในวันนั้นผมได้ขายหุ้นทั้งหมดออกไป เพื่อเตรียมรับมือวิกฤติและโอกาสรอบใหม่ที่กำลังเข้ามาเยือน หลังจากขายหุ้นแล้ว จึงไม่ต้องติดตามอะไรมาก เลยถือโอกาสทำความเข้าใจสถานการณ์วิกฤติให้มากขึ้นไปอีก โดยการดูหนังจีนเรื่อง เกมเจ้าพ่อตลาดหุ้น ได้อะไรมากมายคุ้มกับเวลาที่นั่งหลังขดหลังแข็งดู (ศึกษา) อย่างต่อเนื่องกว่า 30 ชั่วโมง ในเรื่องนี้มีข้อคิดแฝงหลายอย่างที่ผู้ชมบางท่านอาจนึกไม่ถึง เช่น มีผู้หญิง 5 คน มารักพระเอก รักแบบยอมทุ่มทุกอย่าง แต่พระเอกไม่สามารุถลืมภรรยาที่เพิ่งเสียชีวิตได้ จึงปิดโอกาสสำหรับสาว ๆ ทั้งห้าคนนั้น เวลาผ่านไปตลอดเรื่อง ไม่มีใครที่สามารถตัดใจจากพระเอกได้ ยกเว้นคนเดียวที่เป็นจิตแพทย์ นอกนั้นได้แต่หลอกตัวเองต่อไป ยังมีหวังต่อไป แม้ต้องเจ็บปวด และรู้ว่าไม่มีทางสมหวัง สถานการณ์แบบนี้คนเป็นกันทั้งโลกครับ หุ้นตกมาก ๆ ปัจจัยแวดล้อม ปัจจัยเทคนิค ทั้งหมดทั้งสิ้นยืนยันชัดเจนแล้วว่า หมดรอบ และหุ้นต้องลงมากแน่ ๆ แต่คนโดยมากก็ยังคงหวังต่อไป ยอมรับความเจ็บปวด บางคน (เช่นตัวผมเอง) คิดได้จึงตัดใจ รวบรวมสิ่งที่เหลืออยู่ออกมารอข้างนอกก่อน แม้ว่าจะสายเกินไปนิดหน่อย แต่ก็ดีกว่าไม่มีทุนเพื่อกลับเข้าไปใหม่ในตอนตลาดเริ่มฟื้นตัว แต่หลายคนก็ยังฝืนชะตาฟ้าต่อไป ในปัจจุบัน มีเพื่อนนักลงทุนได้แสดงความคิดเห็นกันในห้องเฟสบุ๊ค "ชำแหละหุ้นพื้นฐาน" มากมายหลายแนว ตามความเชื่อและประสบการณ์ของแต่ละคน ถ้าเราคอยจับกระแสในวงสนทนานี้ก็จะทราบว่าสถานการณ์ได้พัฒนามาถึงขั้นไหน แล้ว ผลพวงของ panic sell เมื่อวันศุกร์ที่ 23 กันยายน 2011 นั้น ได้สร้าง after shock ขึ้นมาอีกหลายระลอก ในขณะที่ผมกำลังเขียนอยู่นี้ ก็กำลังเขย่าลงมาอีกเป็นรอบที่ 3 กว่า 40 จุด แต่สังเกตได้ว่า ความตื่นกลัว มีขนาดน้อยกว่ารอบแรกมาก ผมเข้าดูกราฟรายสัปดาห์ของ SET แล้วเห็นว่าน่าจะบอกเล่าเก้าสิบให้เพื่อน ๆ ที่ยังต่อสู้อยู่อย่างกล้าหาญในตลาดหุ้นให้ลองคิดดูอีกทีด้วยกราฟข้างบนครับ

ใน กราฟข้างบน มีเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่รายสัปดาห์อยู่หลายเส้น เส้นแรก สีน้ำเงินเป็นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 สัปดาห์ อยู่ที่ระดับ 1036 จุด ซึ่งได้ถูกทำลายลงแล้วในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 23 กันยายน 2011 ในสัปดาห์ถัดมา ดัชนี SET ได้ร่วงต่อและทิ่มทะลุเส้นที่สอง สีเขียวเป็นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 100 สัปดาห์ อยู่ที่ระดับ 912 จุด แต่ในวันสุดท้ายของสัปดาห์ได้ย้อนกลับไปปิดที่เส้นสีเขียวนี้พอดี มาวันนี้ (ยังไม่ขึ้นในกราฟ จนกว่าจะจบสัปดาห์ในวันศุกร์) ดัชนี SET ได้ร่วงต่ออีกกว่า 40 จุด และยังคงมุ่งหน้าลงต่อไปยังเส้นที่สาม สีดำ เป็นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 สัปดาห์ อยู่ที่ระดับ 775 จุด (เพื่อให้จำง่าย ขอเรียกระดับนี้ว่า ตองเจ็ด ) อันนี้มองแนวรับระดับต่าง ๆ ด้วยเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่รายสัปดาห์

ใน การประเมินว่า SET จะปรับฐานไปอีกมาน้อยแค่ไหน ยังมีอีกแนวหนึ่งที่ใช้ได้ดีเช่นเดียวกัน นั่นคือ ใช้หลักการปรับตัวตามตัวเลขไฟโบนัคชี่ (Fibonacci retracement) ได้แก่ ค่า 0.382 0.500 0.618 1.000 1.382 1.618 ตัวเลขเหล่านี้แสดงสัดส่วนขนาดการปรับตัวของราคาหุ้น เป็นจำนวนเท่าของความสูงในการไต่ราคาหุ้นในรอบที่แล้ว จากในกราฟ การไต่ราคาของ SET ในรอบที่เพิ่งสิ้นสุดลง เริ่มจากจุดต่ำสุดที่ 380 จุด เมื่อปลายปี 2008 และไปจบลงที่จุดสูงสุด ที่ระดับ 1148 จุด คิดเป็นความสูง 1148 - 380 = 768 จุด ดังนั้นการปรับฐานลงของดัชนี SET จากจุดสูงสุดจึงมีโอกาสปรับตัวลงด้วยความสูง (0.382)*(1148-380) = 293 จุด หรือ (0.500)*(1148-380) = 384 จุด หรือ (0.618)*(1148-380) = 474 จุด หรือ (1.000)*(1148-380) = 768 จุด เมื่อหักความสูงดังกล่าว ออกจากยอดสูงสุดของดัชนี จะได้ระดับดัชนีที่มีโอกาสปรับฐานลงไปถึง ได้แก่ 1148 - 293 = 855 จุด หรือ 1148 - 384 = 764 จุด หรือ 1148 - 474 = 674 จุด หรือ 1148 - 768 = 410 จุด สรุปจากการประเมินตามแนวทางนี้ เป้าหมายต่อ ๆ ไป ของ SET คือ 855 => 764 => 674 => 410 ณ เวลานี้ (ก่อนปิดตลาด 15 นาที) เรากำลังอยู่ที่ประมาณ 870 ซึ่งเข้าใกล้ด่านแรกที่ 855 เต็มทีแล้วครับ

ใน แง่ของสัญญาณ MACD พบว่า สัญญาณได้ผ่านลงมาด้านลบอีกครั้งหนึ่ง หลังจากผ่านขึ้นไปด้านบวกในไตรมาสแรกของปี 2009 (เป็นบวกมา 2 ปี ครึ่ง ขณะนี้เริ่มเป็นลบอีกครั้งแล้ว)

ใน แง่ของสัญญาณ RSI พบว่า สัญญาณได้ลงมาเข้าเขต "ขายมากเกินไป" แล้ว แต่จากการปรับฐานใหญ่เมื่อปี 2008 (วงรีสีเหลืองในกราฟ) RSI สามารถอยู่ในเขตนี้ต่อไปได้อีกถึงครึ่งปี ดังนั้น สัญญาณ RSI จึงไม่ค่อยบอกอะไรมากในภาวะแบบนี้ครับ

ใน แง่ของปริมาณการซื้อขาย พบว่าเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ และยังคงอยู่ในระดับสูงมากในปัจจุบัน แสดงว่าฝุ่นยังคงตลบอบอวลอยู่มากครับ ในความเห็นของผม การเริ่มฟื้นตัวขึ้นอีกครั้งยังคงอีกห่างไกลครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น